เอาแมวใหม่เข้าบ้านอย่างไรไม่ให้(เจ้าของ)เครียด

จะเอาแมวใหม่มาเลี้ยงแต่กลัวเข้ากับแมวที่บ้านไม่ได้ อยากได้แมวเพิ่มแต่กลัวแมวเข้ากันไม่ได้ และอีกหลายความกังวลของบรรดาผู้เลี้ยงแมวซึ่งหมอเชื่อว่าหลายท่านเคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนจนทำให้

ไม่กล้ารับแมวมาเลี้ยงเพิ่ม หรือรับเข้ามาแล้วแต่ทุกวันนี้แมวก็ยังเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นเพื่อลดความกังวล
และความเครียดที่จะเกิดจากปัญหาบรรดาเหมียวๆ เราจึงต้องมีการเตรียมตัวเตรียมแมวเตรียมบ้าน และที่สำคัญเตรียมใจให้พร้อมนะคะ ตามหมอมาเลยค่ะการที่เราจะสนิทสนมกับใครซัก

คนต้องอาศัยเวลาค่อยๆทำความรู้จัก สังเกตุลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย ค่อยๆเข้าหาปรับตัวจนสนิทสนมกันในที่สุด น้องเหมียวก็เช่นกันค่ะ น้องแมวสองตัวที่ไม่รู้จักกันแต่ต้องมาอยู่ในบ้านเดียวกันย่อมต้องอาศัยเวลาซักหน่อย(หรืออาจจะมากเลย อิอิ) ในสายตาของแมวตัวเก่าการที่เจ้าของพาแมวตัวใหม่มาเค้าจะรู้สึกว่ามีศัตรูมาบุกรุกบ้านตัวเอง ส่วนแมวใหม่ก็จะรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสมรภูมิของศัตรู คนที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เค้าปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายขึ้นและเกิดความเครียดน้อยที่สุดก็คือตัวเรานั่นเองค่ะ

เซทห้องหลบภัยสำหรับน้องเหมียวตัวใหม่
เลือกห้องที่เงียบสงบและมีประตูสำหรับปิดเปิดได้มาซักหนึ่งห้อง เตรียมอุปกรณ์ส่วนตัวของน้องแมวไว้ให้ครบนะคะ ได้แก่ ชามอาหาร ชามน้ำ กระบะทราย คอนโดแมว ที่นอน ที่ลับเล็บ ของเล่นต่างๆ ห้องหนึ่งห้องนี้เราถือเป็นที่หลบภัยของเจ้าเหมัยวเค้า ให้เค้ารู้สึกปลอดภัยในที่ที่ไม่เจอแมวตัวอื่น ค่อยๆปรับตัว ออกสำรวจทีละนิดๆค่ะ สำหรับแมวที่ขี้กลัวมากครั้งแรกที่เข้าห้องอาจจะปล่อยเค้าไว้ในตะกร้าที่พามาแต่เปิดฝาเอาไว้ เมื่อใดที่เค้ารู้สึกมั่นใจและปลอดภัยเค้าจะค่อยๆออกมาเองค่ะ นอกจากนี้เราอาจจะช่วยเค้าอีกทางได้โดยการเตรียมอุโมงค์แมว หรือกล่องกระดาษลังกระดาษที่เราไม่ใช้แล้ววางเป็นทางไปสู่ชามน้ำชามอาหาร หรือกระบะทรายค่ะ จะช่วยให้แมวที่ขี้กลัวรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเวลาจะออกมาทำธุระหรือกินอาหาร

อ้อ! ลืมบอกไปอีกนิดค่ะ แม้ว่าจะเซทห้องหลบภัยแบบนี้แล้วแต่แมวเจ้าบ้านก็ย่อมรู้สึกว่าโดนบุกรุกอยู่ดีค่ะ ดังนั้นห้องที่เลือกไม่ควรเป็นบริเวณที่แมวเจ้าบ้านโปรดปรานนะคะเพื่อให้เค้ารู้สึกว่าแม่จะโดนบุกรุกแต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบ้านเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดและไม่ใช่ฐานที่มั่นสำคัญ อิอิ

โครงการแลกเปลี่ยนถุงเท้า
ถุงเท้ามาเกี่ยวอะไรกับแมวสองตัวด้วยนะเนี่ย อ่านต่อเลยค่ะ อย่างที่หมอเคยบอกในบทความเรื่องการแสดงความรักแบบเหมียวๆว่าบริเวณหน้าของแมวจะมีต่อมซึ่งจะปล่อยฟีโรโมนที่แสดงความเป็นมิตรออกมา สังเกตุได้จากที่แมวจะถูไถหน้ากับสิ่งของที่ชอบหรือเพื่อนแมวที่รัก เราจะมาใช้ประโยชน์ของฟีโรโมนนี้กับถุงเท้ากันค่ะ โดยการนำถุงเท้าที่สะอาดมาถูเบาๆบริเวณแก้ม คาง หน้าผากและรอบๆปากของแมวตัวใหม่ อาจจะพ่นสเปรย์ฟีโรโมนชนิดสังเคราะห์ที่มีขายตามท้องตลาดร่วมด้วยก็ได้ อย่าพ่นสเปรย์ทับบริเวณฟีโรโมนที่ถูมานะคะให้พ่นห่างออกมาซักหน่อยค่ะ

จากนั้นก็นำถุงเท้าที่มีฟีโรโมนของแมวตัวใหม่ไปวางไว้รอบบ้านค่ะ แต่หลีกเลี่ยงบริเวณฐานที่มั่นของแมวเจ้าบ้าน อันได้แก่ ที่นอน ชามน้ำชามอาหารและกระบะทรายด้วยนะคะ ทำเช่นเดียวกันนี้กับแมวเจ้าบ้านค่ะ คือถูฟีโรโมนของแมวเจ้าบ้านลงบนถุงเท้าแล้วนำไปไว้ในห้องของแมวตัวใหม่ ใช้ถุงเท้าคนละข้างกันนะคะ

ประโยชน์ของการโครงการแลกเปลี่ยนถุงเท้าก็คือปล่อยให้น้องเหมียวได้สำรวจและฝึกให้คุ้นกับกลิ่นของอีกตัวโดยไม่มีการเผชิญหน้ากันเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ค่ะ นอกจากนี้ยังง่ายต่อการฝึกเพื่อปรับพฤติกรรมด้วยค่ะ กล่าวคือเมื่อใดที่น้องแมวไม่แสดงอาการต่อต้านกับถุงเท้าของอีกฝ่ายเราจะให้รางวัลหรือขนมค่ะ เพื่อให้น้องแมวเกิดความรู้สึกทางด้านบวกกับกลิ่นของอีกฝ่าย พูดง่ายๆก็คือเมื่อน้องแมวไม่ขู่หรือยอมรับหรือพยามยามสำรวจถุงเท้าก็จะได้ขนมทำให้น้องแมวรู้สึกว่าการได้กลิ่นของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่มีเรื่องดีๆมีขนมให้กิน

อาจจะใช้วิธีที่เรียกว่า clicker training (วิธีการฝึกโดยการใช้คลิกเกอร์ คลิกและให้รางวัลเมื่อน้องแมวทำสิ่งที่เราต้องการได้) ร่วมด้วย เช่น เมื่อน้องแมวเดินเข้าใกล้ถุงเท้าโดยไม่มีการขู่ คลิกและให้ขนม เมื่อน้องแมวดมถุงเท้า คลิกและให้ขนม แบบนี้เป็นต้นค่ะ สำหรับวิธีการฝึกแบบนี้จะได้กล่าวถึงต่อไปค่ะ

ถึงเวลาออกจากหลุมหลบภัย
เมื่อเจ้าเหมียวตัวใหม่สามารถปรับตัวอยู่ในห้องหลบภัยที่เราเซทขึ้นได้อย่างไม่มีความเครียดและกังวลแล้วก็ถึงเวลาที่เจ้าเหมียวจะออกสู่โลกกว้างรอบบ้านล่ะทีนี้ เริ่มจากเปิดประตูห้องทิ้งไว้ก่อนเมื่อน้องเหมียวรู้สึกมั่นใจไม่กลัวที่จะออกจากห้อง เค้าจะค่อยๆย่องออกไปสำรวจดมนั่นดมนี่เอง และที่สำคัญอย่าลืมเก็บเหมียวเจ้าบ้านไว้อีกห้องก่อนนะคะ

เห็นหน้าเธอแล้วจะเจอขนมนะจ๊ะ
เช่นเดียวกันที่อธิบายไปแล้วทางด้านบนค่ะ แต่คราวนี้เปลี่ยนจากถุงเท้าเป็นเห็นหน้าเห็นตากันบ้าง ค่อยๆเปิดประตูห้องหลบภัยให้เห็นกันแล้วก็ให้ขนมค่ะ ทำทีละตัวนะคะ ค่อยๆเพิ่มเวลาขึ้นทีละเล็กน้อยจนกระทั่งสามารถเปิดประตูกค้างไว้ได้โดยไม่ขู่กัน แต่ถ้าเปิดประตูมาเจอกันแล้วตีกัน ก็ต้องย้อนกลับไปเริ่มใหม่ค่ะ และต้องมีการปรับห้องซักเล็กน้อยคือให้เป็นห้องที่มีหน้าต่างหรือประตูแบบใสที่เห็นหน้ากันได้แต่ไม่สามารถเจอตัวกันได้ แล้วก็ฝึกเช่นเดิม ให้เห็นหน้าแว๊บๆให้ขนมและค่อยๆเพิ่มเวลา

ของเล่นเชื่อมสัมพันธ์
แน่นอนที่สุดที่ขาดไม่ได้เลยก็คือของเล่นนั่นเองค่ะ ที่ใช้กันประจำก็คือของเล่นชนิดที่เรียกว่าinteractive toy ใครยังไม่รู้ว่าคืออะไรกดอ่านตรงนี้ก่อนนะคะ ที่นิยมใช้กันคือเบ็ดตกแมว เมื่อมีเหมียวสองตัวก็ต้องใช้ของเล่นสองอัน ใครความสามารถสูงก็มือนึงอันนึงค่ะ ใครไม่สามารถก็ต้องเรียกญาติโยมมาช่วย ถือกันคนละอันเล่นกันคนละตัว ทำแบบนี้เพื่อให้เค้ารู้สึกว่าเค้าสามารถเล่นได้อย่าางปลอดภัยในขณะที่มีอีกตัวอยู่ใกล้ๆ ถือเป็นการสร้างความรู้สึกในด้านบวกอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

สิ่งแวดล้อมมีความสำคัญมาก
เมื่อเหมียวทั้งคู่เริ่มออกมาเจอหน้าหรืออยู่ร่วมกันในบริเวณบ้านเดียวกันแล้ว ที่สำคัญที่หมอมักจะบอกแทบจะทุกบทความก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อมค่ะ ทำสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับแมว สิ่งที่บรรดาแมวๆต้องการได้แก่ คอนโดแมวหรือบริเวณที่สูง ยิ่งมีที่สูงมากยิ่งช่วยลดความเครียดได้นะคะ เวลาที่เค้ารู้สึกไม่มั่นใจไม่ปลอดภัยหรือต้องการความเป็นส่วนตัวเค้าก็จะแยกกันอยู่บนคอนโดของแต่ละตัว หรือที่สูงคนละตำแหน่ง นอกจากคอนโดแมวแล้วก็ยังมีบรรดาของเล่นต่างๆ ที่ลับเล็บ ชามน้ำชามอาหาร และกระบะทราย ช่วงแรกของการปรับตัวอาจจะต้องมีแยกกันคนละชุดและวางแยกบริเวณกันก่อนนะคะ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เจ้าของเหมียวๆคลายความวิตกกังวลและไม่ต้องกลัวการนำแมวใหม่มาเลี้ยงเพิ่มอีกต่อไปเนอะ สิ่งที่หมออยากฝากไว้ก็คือเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาซักหน่อยนะคะ อาจจะต้องอดทนซักนิดแต่เพื่อมิตรภาพระยะยาวของแมวเหมียวแล้วหมอเชื่อว่าพวกเราสู้ตายแน่นอน ใช่มั้ยล่ะ

สพ.ญ.ลลินทิพย์ กิตติวรกุล

ที่มา  http://goo.gl/aE8m7

ที่มา
http://www.catbehaviorassociates.com
รูปประกอบ
http://lhotp.editboard.com/t4396p500-scavenger-hunt (145)