เราต่างก็เคยได้ยินกันมาว่า แมว เป็นพาหะของพยาธิที่ทำให้ลูกในท้องเสี่ยงอันตรายจากโรคท็อกโซพลาสโมซิส ซึ่งอาการของโรคนี้ค่อนข้างร้ายแรงทีเดียว เพราะหากพยาธิดังกล่าวเข้าถึงตัวทารกเมื่อไหร่ ระบบประสาทตาและสมองก็จะถูกทำลายทันที ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าหลาย ๆ บ้านที่มีคนท้องอาศัยอยู่ จึงไม่ค่อยนิยมนำแมวมาเลี้ยงกันสักเท่าใดนัก แต่ถ้าหากคุณเลี้ยงแมวอยู่ก่อนแล้ว และเพิ่งตั้งท้องได้ไม่นาน การขับไล่แมวออกจากบ้านคงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ยกเว้นคุณจะปรับตัวและปฏิบัติตามที่ www.catster.com แนะนำไว้ดังนี้
1. ทำความรู้จักกับโรคท็อกโซพลาสโมซิส
ท็อกโซพลาสโมซิสเกิดจากปรสิตชื่อว่า Toxoplasma gondii นอกจากพบในแมวแล้ว ปรสิตชนิดนี้ยังมีปะปนอยู่ในผักสด และเนื้อดิบด้วย ซึ่งถ้าหากเข้าสู่ร่างกายคุณแม่ผ่านไปยังทารก หลังจากที่เด็กคลอดออกมาอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้น สมองและไขสันหลังอักเสบ หัวลีบแบน จอตากับสมองอักเสบ โดยเริ่มแรกจะแสดงออกมาในลักษณะเดียวกับการเป็นไข้หวัด คือ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
2. วิธีป้องกันแมวจากท็อกโซพลาสโมซิส
หากแมวของคุณชอบกินเนื้อดิบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อประเภทใดก็ตาม หลังจากนี้ควรจะปรุงเนื้อเหล่านั้นให้สุก ก่อนนำไปให้แมวรับประทาน และพยายามให้แมวอยู่เฉพาะในบ้านหรือบริเวณบ้านเท่านั้น นอกจากนี้อย่าลืมพาแมวของคุณไป ฉีดวัคซีนให้ตรงตามกำหนด อย่างน้อยคุณก็สามารถเบาใจได้ว่า ทั้งคุณและแมวปลอดภัยจากท็อกโซพลาสโมซิสในระดับหนึ่ง
3. วิธีปกป้องตัวเองและลูกในท้องจากท็อกโซพลาสโมซิส
หลังจากที่คุณรู้ตัวว่าตั้งท้องประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันในร่างกายจะลดลงทันที ดังนั้นคงจะดีกว่าหาก คุณปกป้องตัวเองกับลูกในท้อง ด้วยการล้างมือทุกครั้งหลังหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ และก่อนรับประทานอาหาร พร้อมกันนี้ ควรพยายามหลีกเลี่ยงอาหารสด โดยปรุงให้สุกก่อนทุกครั้ง ถ้าต้องทำความสะอาดแมว อย่าลืมสวมผ้าปิดปาก ปิดจมูก กับสวมถุงมือด้วย
4. ไม่ควรนำแมวไปปล่อย
คุณแม่หลายคนอาจจะหาทางออกด้วยการนำแมวไปปล่อย เพราะกลัวว่าลูกในท้องจะติดเชื้อ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลยสักนิด อย่ากลัวที่จะอยู่ร่วมกับแมว อีกทั้งในช่วงตั้งท้องนี้อารมณ์ของคุณจะแปรปรวนเป็นพิเศษ ความน่ารักน่าชังของแมวอาจส่งผลให้คุณอารมณ์ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว และหลังจากที่ลูกของคุณลืมตาดูโลก พวก เขายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อีกด้วย
ถึงแม้แมวจะมีสัญชาตญาณนักล่าอยู่ในตัวพอสมควร แต่หากคุณเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกประสบการณ์ และสัญชาตญาณเหล่านั้น คงน้อยกว่าแมวจรจัดแน่ ๆ แล้วอย่างนี้มันจะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร หากขับไล่ออกไปอยู่นอกบ้านตามลำพัง คงจะดีกว่าหากทุกคนในบ้านปรับการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมเสียใหม่ เพื่อให้ทุกฝ่ายจะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น